หินเทียม ตกแต่งสวน สวย ใช้สำหรับตกแต่งเป็นที่นั้งและทำม่านน้ำ ร้านขายหินธรรมชาติลพบุรี ตกเทียม มีความเหมือนมากๆ หินเทียมสำเร็จรูป stone Decorative หินเทียมสำเร็จรูป stone Decorative ปัจจุบัน มีการพัฒนาหินเทียมเพื่อใช้สำหรับตกแต่งสวนมากมาย ร้านขายหินกาบลพบุรี เพราะคุณสมบัติ เบา และคงทนถาวร ด้วยลักษณะพิเศษของสีที่เกาะคงทนและอายุการใช้งานที่ยาวนาน จึงเหมาะแก่การ นำไปตกแต่งสวนน้ำหินผา ตกแต่งตามขอบสระ ร้านขายหินปูพื้นลพบุรี และอีกมายในการนำไปตกแต่งสามารถสอบถามราคาเพิ่มเติม เพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เนื่องจากขนาดหิน มีความแตกต่างกัน เเละหลายเเบบ
ร้านขายหินกาบลพบุรี
ร้านขายหินปูพื้นลพบุรี
ขายหินลพบุรี
ขายหินธรรมชาติลพบุรี
ขายหินแม่น้ำลพบุรี
ขายหินเกล็ดลพบุรี
ขายหินกรวดจัดสวนลพบุรี
ขายก้อนหินใหญ่ลพบุรี
ขายหินประดับลพบุรี
สรุปเกี่ยวกับแหล่งหินจัดสวน
สวนหิน Rock Garden สร้างความสงบสุขให้บ้าน ด้วยการจัดสวนหิน
สวนหิน (Rock Garden หรือ Stone Garden) เป็นรูปแบบการจัดสวน ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยการนำหินมาเป็นองค์ประกอบหลักของสวน และใช้ต้นไม้มาปลูกประดับให้มีความกลมกลืนเข้ากันได้ สำหรับสวนหินนี้
ขายส่งรถพ่วงหินฝุ่น ขายส่งรถพ่วงหินคลุก
ขายส่งรถพ่วงลูกรัง ขายส่งรถพ่วงทรายหยาบ ขายส่งรถพ่วงทรายถมขายส่งรถพ่วงดินลูกรัง ขายส่งหินก่อสร้าง


ดิน
ดิน(soil) หมายถึง เทหวัตถุธรรมชาติที่ปกคลุมผิวโลกเกิดจากการแปลงสภาพหรือสลายตัวของหินแร่ธาตุและอินทรีย์วัตถุผสมคลุกเคล้ากันตามธรรมชาติรวม ขายหินลพบุรี ตัวกันเป็นชั้นบางๆเมื่อมีน้ำและอากาศที่เหมาะสมก็จะทำให้พืชเจริญเติบโตและยังชีพอยู่ได้
ส่วนประกอบของดิน
ดินมีส่วนประกอบที่สำคัญอยู่ 4 ส่วน ดังนี้ คือ
1. ส่วนที่เป็นอนินทรีย์สาร ได้แก่ แร่ หิน ทราย เป็นต้น
2. ส่วนที่เป็นน้ำ คือ ความชื้นในดิน
3. ส่วนที่เป็นอากาศ คือ ช่องว่างระหว่างเม็ดดินที่มีอากาศแทรกอยู่
4. ส่วนที่เป็นอินทรีย์สาร ได้แก่ ซากพืช ซากสัตว์ที่สลายตัว มากน้อยแตกต่างกันและสิ่งมีชีวิตในดิน ซึ่งทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อพืช เช่น ไส้เดือนและแมลงในดิน เป็นต้น
ชนิดของดิน
จำแนกตามลักษณะของเนื้อดิน มี 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังต่อไปนี้
1. ดินเหนียว (Clay) คือ ดินที่มีเนื้อละเอียดที่สุด ยืดหยุ่นเมื่อเปียกน้ำ เหนียวติดมือ ปั้นเป็นก้อนหรือคลึงเป็นเส้นยาวได้ ขายหินก้อนใหญ่ลพบุรี พังทลายได้ยาก การอุ้มน้ำดี จับยึดและแลกเปลี่ยนธาตุอาหารพืชได้ค่อนข้างสูงจึงมีธาตุอาหารพืชอยู่มาก
2. ดินทราย (Sand) เป็นดินที่เกาะตัวกันไม่แน่น ระบายน้ำและอากาศได้ดีมาก อุ้มน้ำได้น้อย พังทลายง่าย มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำเพราะความสามารถในการจับยึดธาตุอาหารมีน้อย พืชที่ขึ้นอยู่ในบริเวณดินทรายจึงขาดน้ำและธาตุอาหารได้ง่าย
3. ดินร่วน (Loam) คือ ดินที่มีเนื้อค่อนข้างละเอียด นุ่มมือ ยืดหยุ่นพอควร ระบายน้ำได้ดีปานกลางมีแร่ธาตุอาหารพืชมากกว่าดินทรายเหมาะสำหรับใช้เพาะปลูก
การกำเนิดของดิน
เราสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 การผุพัง สลายตัว (Weathering) เป็นสาเกตุทำให้ชั้นหินแตกเป็นหินก้อนใหญ่ๆ หินชั้นนี้ เมื่อถูกแสงแดดและฝนตกก็จะแตกหักและผุพังเป็นชิ้นเล็กๆต่อไป
ขั้นที่ 2 ขบวนการสร้างดิน (Soil Forming Process) จะเกิดขึ้นต่อเนื่องจากการผุพังสลายตัวของหินและ ขายหินธรรมชาติลพบุรี พืชจะเจริญงอกงามตามบริเวณรอยแตกของหิน แมลงเล็กๆ และสัตว์อื่นๆ เข้ามาอาศัยตามบริเวณรอยแตกเมื่อพืชและสัตว์ตายจะสลายตัวไปเป็นฮิวมัส
ขั้นที่ 3 สัตว์เล็กๆ ในดิน จะเคลื่อนที่ไปมาทำให้ฮิวมัสผสมกับเศษหินและแร่กลายเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ เรียกว่า ดินชั้นบน
หน้าตัดดิน
ปัจจัยต่างๆ ของการกำเนิดดิน ทำให้ได้ดินที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างมาก ดินในภูมิประเทศหนึ่งๆ จะมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง ขายหินแม่น้ำลพบุรี เราเรียกภาคตัดตามแนวดิ่งของชั้นดิน เรียกว่า หน้าตัดดิน (Soil Horizon) หน้าตัดดินบอกถึงลักษณะทางธรณีวิทยา และประวัติภูมิอากาศของภูมิประเทศที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้นับพันปี รวมถึงว่ามนุษย์ใช้ดินอย่างไร อะไรเป็นสาเหตุให้ดินนั้นมีสมบัติเช่นในปัจจุบัน ตลอดจนแนวทางที่ดีที่สุดในการใช้ดิน
การปรับปรุงคุณภาพของดิน
การปรับปรุงคุณภาพของดินให้เหมาะกับการเพาะปลูกมีหลายวิธี ดังนี้
การใส่ปุ๋ยเพื่อเพิ่มแร่ธาตุ จุดประสงค์ของการใส่ปุ๋ยเพื่อเพิ่มเกลือแร่ให้กับดินเกลือแร่บางชนิดจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชเช่นเกลือแร่ของาตุไนโตรเจนฟอสฟอรัสโพแทสเซียมและอื่นๆนอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มสารอินทรีย์ในดินอาจกระทำได้โดยใช้ปุ๋ยพืชสดใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักซึ่งปุ๋ยอินทรีย์เหล่านี้จะช่วยให้ดินมีความสามารถอุ้มน้ำได้ดีอากาศแทรกซึมได้สะดวกและลดอัตราการสูญเสียหน้าดิน
การปรับความเป็นกรด - เบสของดิน ปัจจัยที่เพิ่มความเป็นกรด - เบสของดิน ได้แก่ การเน่าเปื่อยของสารอินทรีย์ในดิน ขายหินเกล็ดลพบุรี การใส่ปุ๋ยเคมีบางชนิด การใส่ปูนขาว โดยทั่วไปเป็นเพราะปริมาณแคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และโซเดียมที่เกาะอยู่กับเม็ดดินมากน้อยต่างกัน จึงทำให้ดินแต่ละชนิดมีความเป็นกรด - เบส แตกต่างกัน
การปลูกพืชหมุนเวียน การปลูกพืชหมุนเวียนจะเป็นวิธีการที่ทำให้มีการเพิ่มสารอินทรีย์ในดินเพื่อการเพิ่มคุณภาพของดิน
หิน
หิน (Rocks) คือมวลของแข็งที่ประกอบไปด้วยแร่ชนิดเดียวกันหรือหลายชนิดรวมตัวกันอยู่ตามธรรมชาติเปลือกโลก ขายหินเทียมลพบุรี ส่วนใหญ่มักเป็นแร่ตระกูลซิลิเกตนอกจากนั้นยังมีแร่ตระกูลคาร์บอเนตเนื่องจากบรรยากาศโลกในอดีตส่วนใหญ่เป็นคาร์บอนไดออกไซด์น้ำฝนได้ละลายคาร์บอนไดออกไซด์บนบรรยากาศลงมาสะสมบนพื้นดินและมหาสมุทรสิ่งมีชีวิตอาศัยคาร์บอนสร้างธาตุอาหารและร่างกายแพลงตอนบางชนิดอาศัยซิลิกาสร้างเปลือกเมื่อตายลงทับถมกันเป็นตะกอน
ประเภทของหิน
นักธรณีวิทยาแบ่งหินออกเป็น 3 ประเภท ตามลักษณะการเกิด คือ
หินอัคนี
หินตะกอน
หินแปร
วัฏจักรหิน (Rock cycle)
เมื่อหินหนืดร้อนภายในโลก (Magma) และ หินหนืดร้อนบนพื้นผิวโลก (Lava) เย็นตัวลงกลายเป็น หินอัคนี ลมฟ้าอากาศ น้ำ และแสงแดด ขายหินกรวดจัดสวนลพบุรี ทำให้หินผุพังสึกกร่อนเป็นตะกอน ทับถมกันเป็นเวลานานหลายล้านปี แรงดันและปฏิกิริยาเคมีทำให้เกิดการรวมตัวเป็น หินตะกอน หรือ หินชั้น การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกและความร้อนจากแมนเทิลข้างล่าง ทำให้เกิดการแปรสภาพเป็น หินแปร กระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นวงรอบเรียกว่า วัฏจักรหิน (Rock cycle) อย่างไรก็ตามกระบวนการไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับ หินอัคนี หินชั้น และหินแปร การเปลี่ยนแปลงประเภทหินอาจเกิดขึ้นย้อนกลับไปมาได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อม
หินอัคนี
หินอัคนี (Igneous rocks) เป็นหินที่เกิดจากการแข็งตัวของหินหนืด (Magma) จากชั้นแมนเทิลที่โผล่ขึ้นมา เราแบ่งหินอัคนีตามแหล่งที่มาออกเป็น 2 ประเภท คือ
หินตะกอน
หินตะกอน หรือ หินชั้น (Sedimentary rocks) เป็น หินที่ถูกแสงแดด ลมฟ้าอากาศ และน้ำ หรือ ถูกกระแทก แล้วแตกเป็นก้อนเล็กๆ ขายก้อนหินใหญ่ลพบุรี หรือผุกร่อน เสื่อมสภาพลง เศษหินที่ผุพังทั้งอนุภาคใหญ่และเล็กถูกพัดพาไปสะสมอัดตัวกัน เป็นชั้นๆ เกิดความกดดันและปฏิกิริยาเคมีจนกลับกลายเป็นหินอีกครั้ง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดหินตะกอนหรือหินชั้น คือ การผุพัง (Weathering) การกร่อน (Erosion) และการพัดพา (Transportation)
หินแปร
หินแปร คือ หินที่แปรสภาพไปจากโดยการกระทำของความร้อน แรงดัน และปฏิกิริยาเคมี หินแปรบางชนิดยังแสดงเค้าเดิม ขายหินประดับลพบุรี บางชนิดผิดไปจากเดิมมากจนต้องอาศัยดูรายละเอียดของเนื้อใน หรือสภาพสิ่งแวดล้อมจึงจะทราบที่มา อย่างไรก็ตามหินแปรชนิดหนึ่งๆ จะมีองค์ประกอบเดียวกันกับหินต้นกำเนิด แต่อาจจะมีการตกผลึกของแร่ใหม่ เช่น หินชนวนแปรมาจากหินดินดาน หินอ่อนแปรมาจากหินปูน เป็นต้น หินแปรส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระดับลึกใต้เปลือกโลกหลายกิโลเมตร ที่ซึ่งมีความดันสูงและอยู่ใกล้กลับหินหนืดร้อนในชั้นแอสทีโนสเฟียร์ แต่การแปรสภาพในบริเวณใกล้พื้นผิวโลกเนื่องจากสิ่งแวดล้อมโดยรอบก็คงมี นักธรณีวิทยาแบ่งการแปรสภาพออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. การแปรสภาพสัมผัส (Contact metamorphism) เป็นการแปรสภาพเพราะความร้อน เกิดขึ้น ณ บริเวณที่หินหนืดหรือลาวาแทรกดันขึ้นมาสัมผัสกับหินท้องที่ ความร้อนและสารจากหินหนืดหรือลาวาทำให้หินท้องที่ในบริเวณนั้นแปรเปลี่ยนสภาพผิดไปจากเดิม
2. การแปรสภาพบริเวณไพศาล (Regional metamophic) เป็นการแปรสภาพของหินซึ่งเกิดเป็นบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลเนื่องจากอุณหภูมิและความกดดัน โดยปกติการเปรสภาพแบบนี้จะไม่มีความเกี่ยวพันกับมวลหินอัคนี และมักจะมี ริ่วขนาน (Foliation) จนแลดูเป็นแถบลายสลับสี บิดย้วยแบบลูกคลื่น ซึ่งพบในหินชีสต์ หินไนส์ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการการตกผลึกใหม่ของแร่ในหิน ทั้งนี้ริ้วขนานอาจจะแยกออกได้เป็นแผ่นๆ และมีผิวหน้าเรียบเนียน เช่น หินชนวน
แร่
แร่ (Mineral) หมายถึง ธาตุหรือสารประกอบอนินทรีย์ ( ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิต) ที่มีสถานะเป็นของแข็ง เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมีโครงสร้างภายในที่เป็นผลึก ร้านขายหินธรรมชาติลพบุรี มีสูตรเคมีและสมบัติอื่นๆ ที่แน่นอนหรือเปลี่ยนแปลงได้ในวงจำกัด ตัวอย่างเช่น แร่เฮไลต์ ( เกลือ) เป็นสารประกอบ (Compound) ซึ่งประกอบด้วยอะตอมของโซเดียมและคลอรีนจำนวนเท่ากัน เกาะตัวกันอยู่ ทั้งนี้ผลึกเกลือขนาดเท่าหัวเข็มหมุด ประกอบด้วยโซเดียมคลอไรด์หลายล้านโมเลกุล
คุณสมบัติทางกายภาพของแร่
ผลึก ( Crystal) หมายถึง ของแข็งที่มีเนื้อเดียวกัน มีรูปทรงสามมิติ ผิวหน้าแต่ด้านเป็นระนาบ ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดตัวของอะตอมหรือโมเลกุลของธาตุที่ประกอบอยู่ในของแข็งนั้นอย่างมีแบบแผน
แนวแตกเรียบ (Clevage) หมายถึง รอยที่แตกเป็นระนาบเรียบตามโครงสร้างอะตอมในผลึกแร่
แนวแตกประชิด (Fracture) หมายถึง แนวแตกบางๆ ซึ่งปรากฏเป็นแนวขนานบางๆ หลายแนวบนเนื้อแร่ และมิได้อยู่ในระนาบเดียวกับแนวแตกเรียบ
ความถ่วงจำเพาะ (Specific Gravity) เป็นอัตราส่วนระหว่างน้ำหนักของสสารต่อน้ำหนักของน้ำ ณ อุณหภูมิหนึ่งๆ
ความแข็ง (Hardness) มาตราความแข็งของแร่ตามระบบสเกลของโมล (Mol’s scale) ประกอบด้วยแร่มาตรฐาน 10 ชนิด เรียงลำดับตั้งแต่แร่ที่ทนทานต่อการขูดขีดน้อยที่สุด ถึงมากที่สุด ตามตาราง
สี (Color) เป็นคุณสมบัติที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดแต่เชื่อถือไม่ได้ แร่บางชนิดเช่น แร่ควอรตซ์ (SiO2) ปกติใสไม่มีสี แต่ที่พบเห็นส่วนมากจะมีสีขาว เหลือง ชมพู หรือดำ เนื่องมีสารอื่นเจือปนทำให้ไม่บริสุทธิ์ แร่คอรันดัม (Al2O3) โดยปกติมีสีขาวอมน้ำตาลขุ่น ร้านขายหินกาบลพบุรี แต่เมื่อมีธาตุโครเมียมจำนวนเล็กน้อยเจือปน ก็จะมีสีแดงเรียกว่า “ ทับทิม” (Ruby) หรือถ้ามีธาตุเหล็กเจือปน ก็จะมีสีน้ำเงินเรียกว่า “ ไพลิน” (Sapphire)
สีผงละเอียด (Streak) เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของแร่แต่ละชนิด เมื่อนำแร่มาขีดบนแผ่นกระเบื้อง ( ที่ไม่เคลือบ) จะเห็นสีของรอยขีดติดอยู่แผ่นกระเบื้อง ซึ่งอาจมีสีไม่เหมือนกับชิ้นแร่ก็ได้
ความวาว (Luster) หมายถึง คุณสมบัติในการสะท้อนแสงของผิวแร่ ความวาวมีหลายแบบ เช่น วาวแบบโลหะ แบบมุก แบบเพชร แบบน้ำมัน แบบแก้ว เป็นต้น
ความเป็นโลหะและอโลหะ ( Metal and Nonmetal) เป็นสมบัติพื้นฐานของแร่ ต่างๆ ที่มีความแตกต่างกันในด้านสมบัติ ความเป็นโลหะและอโลหะ เช่น การนำไฟฟ้า การนำความร้อน การเกิดสารประกอบ เป็นต้น
การจำแนกแร่
การจำแนกแร่ สามารถจำแนกออกได้ 4 ประเภท
1. แร่โลหะและแร่อโลหะ เป็นแร่ที่อยู่ในหินทั่วไป
แร่โลหะมีออกไซของโลหะ ซึ่งประกอบโลหะ กับออกซิเจน การนำแร่โลหะมาใช้ให้เกิดประโยชน์จะต้องทำการถลุงแร่ให้ได้โลหะบริสุทธิเสียก่อน โลหะที่ยังไม่ผ่านการถลุงเรียกว่า สินแร่ เช่น ตะกั่ว สังกะสี ดีบุก ทองแดง แมงกานีส พลวง โครเมียม
2. แร่รัตนาชาติ เป็นแร่อโลหะที่สามารถนำมาเจียระไนหรือขัดมันให้เกิดความสวยงาม มีความเด่นชัด ของสี ความวาว การให้แสงผ่าน การกระทบแสง นิยมนำมาทำเครื่องประดับโดยการขายเป็นกระรัต เช่นไพลิน หยก เพทาย มรกต โกเมน เป็นต้น
3. แร่กัมมันตรังสี เป็นสภาพของนิวเคลียสไม่เสถียร จะมีการปล่อยรังสีออกมาจากอะตอมอยู่ตลอดเวลา จัดเป็นแร่ที่ให้พลังงานที่มหาศาล ปัจจุบันรังสีที่ปลดปล่อยออกจาก แร่กัมมันตรังสี มาใช้ประโยชน์ เช่น การรักษาโรค ผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นต้น
4. แร่เชื้อเพลิง เป็นทรัพยากรทางเศรษฐกิจ เช่น ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน น้ำมันดิบหรือน้ำมันปิโตรเลียม
การคมนาคม
ลพบุรีอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวก สามารถเดินทางสู่ตัวจังหวัดได้หลายวิธี
- ทางรถไฟ มีทางรถไฟสายเหนือ (กรุงเทพมหานคร-เชียงใหม่)
ในระบบรางคู่ถึงตัวจังหวัด และผ่านไปสู่ภาคเหนือ และในอนาคตอันใกล้กำลังจะมีการดำเนินการสร้างทางรถไฟรางคู่ต่อจากลพบุรีขึ้นไปทางเหนือ (ลพบุรี-ปากน้ำโพ)
ทางรถยนต์ (การเดินทางจากจังหวัดต่างๆ มายังจังหวัดลพบุรี)
ใช้ถนนพหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 1 จาก กรุงเทพ-สระบุรี-ถึงลพบุรี เป็นระยะทาง 153 กิโลเมตร
ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 311 (แยกต่างระดับสิงห์บุรีใต้)เพื่อเข้า ทางอ.ท่าวุ้ง-ลพบุรี
ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 334 ข้ามสะพานต่างระดับอ่างทอง แล้วตรงไปจะเข้าทางหลวงหมายเลข 3267 ขับมาเรื่อยๆจะพบสี่แยก ให้เลี้ยวซ้าย เข้าทางหลวงหมายเลข 3196 เพื่อมุ่งหน้าสู่ อ.บ้านแพรก-ลพบุรี
- จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 347 (ลพบุรี-ปทุมธานี) หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 32 จาก อยุธยา-อ.บางปะหัน(ข้ามแยกต่างระดับบางปะหัน) ไปตาม ทางหลวงหมายเลข 347 จนถึง อ.มหาราช (ก็สิ้นสุดทางหลวงหมายเลข 347) แล้วไปเชื่อมทางหลวงหมายเลข 3196 ผ่าน อ.บ้านแพรก เข้าสู่ ลพบุรี
ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 สระบุรี-อ.เฉลิมพระเกียรติ-แยกพุแค-อ.พระพุทธบาท-ลพบุรี
มีอยู่ 2 เส้นทาง ดังนี้
- เส้นทางที่1 ใช้ทางหลวงหมายเลข 2068 ผ่าน อ.ขามทะเลสอ เข้าทางหลวงหมายเลข 2148 ผ่าน อ.ด่านขุนทด แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 201(สีคิ้ว-ชัยภูมิ) จะถึงสามแยก แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2256 ผ่านอ.ท่าหลวง แล้วเชื่อมถนนสุรนารายณ์ ให้ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 205 จะพบสี่แยกม่วงค่อม แล้วตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 205 ผ่านอ.โคกสำโรง จะพบสี่แยกไปรษณีย์(อ.โคกสำโรง) ให้ตรงไปเข้าถนนพหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าสู่ ลพบุรี
- เส้นทางที่2 จากนครราชสีมา ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (AH12) ผ่านอ.สูงเนิน-อ.สีคิ้ว-อ.ปากช่อง-อ.มวกเหล็ก-อ.แก่งคอย ขับมาเรื่อยๆ จะพบสะพานต่างระดับแยกบายพาสเลี่ยงเมืองสระบุรี เบี่ยงซ้ายใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 362 (เลี่ยงเมืองสระบุรีด้านทิศตะวันออก) ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 362 จนถึงต่างระดับแพะโคก(ด้านทิศเหนือ) แล้วเลี้ยวขวาไปตาม ทางหลวงหมายเลข 1 เพื่อเข้าถนนพหลโยธินสาย สระบุรี-ลพบุรี
- จากจังหวัดชัยภูมิ
จากชัยภูมิ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 จนถึง อ.จัตุรัส เลี้ยวขวาที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติเทศบาลจัตุรัส เข้าทางหลวงหมายเลข 2179 ถึง อ.บำเหน็จณรงค์ เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2069 จนถึง สี่แยกทางหลวงหมายเลข 205 (ถนนสุรนารายณ์) เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 205 ผ่าน อ.เทพสถิตย์-อ.ลำสนธิ แล้วเข้าสู่ สี่แยกอ.ชัยบาดาล แล้วตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 205 มุ่งหน้าสู่ลพบุรี
จากเพชรบูรณ์ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 (ถนนคชเสนีย์) ผ่าน อ.หนองไผ่-อ.วิเชียรบุรี-อ.ศรีเทพ เมื่อผ่านอ.ชัยบาดาล ตรงมาจะพบสี่แยก ม่วงค่อม แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 205 มุ่งหน้าสู่ อ.โคกสำโรง-ลพบุรี
มีอยู่ 4 เส้นทาง ดังนี้
- เส้นทางที่1 จากจังหวัดนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (AH1-AH2) ผ่าน อ.พยุหะคีรี-ผ่านสี่แยกเข้าอุทัยธานี-ผ่านสามแยกหลวงพ่อโอ-ชัยนาท-อ.อินทร์บุรี- เมื่อเข้าสิงห์บุรี จะพบทางแยกต่างระดับ(แยกต่างระดับสิงห์บุรีใต้) ให้เลี้ยวซ้าย ออกไปตามทางหลวงหมายเลข 311 เพื่อไปอ.ท่าวุ้ง-ลพบุรี
- เส้นทางที่2 จากจังหวัดนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (AH1-AH2) ผ่าน อ.พยุหะคีรี-ผ่านสี่แยกเข้าอุทัยธานี-ผ่านสามแยกหลวงพ่อโอ ขับมาเรื่อยๆจะพบสะพานต่างระดับ(แยกเข้าชัยนาท) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธินAH1)ผ่าน อ.ตาคลี-อ.ตากฟ้า-อ.หนองม่วง-อ.โคกสำโรง แล้วมุ่งหน้าสู่ลพบุรี
- เส้นทางที่3 จากจังหวัดนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (AH1-AH2) ผ่าน อ.พยุหะคีรี-ผ่านสี่แยกเข้าอุทัยธานี-ผ่านสามแยกหลวงพ่อโอ ขับมาเรื่อยๆจะพบสะพานต่างระดับ(แยกเข้าชัยนาท) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธินAH1) ขับมาตามทางหลวงหมายเลข 1 เรื่อยๆจะพบสามแยก ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3196 (เลียบคลองชลประทาน) ผ่านทางลอดใต้สะพาน (ใต้ทางหลวงหมายเลข11) ตรงไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3196 จะเข้าสู่ บ้านจันเสน-ผ่านสี่แยกเข้าอ.บ้านหมี่ ให้ตรงไป มุ่งหน้าสู่ ลพบุรี
- เส้นทางที่4 จากจังหวัดนครสวรรค์ มาตามถนนพหลโยธิน จะพบกับสี่แยกค่ายจิรประวัติ เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3004 (จิรประวัติ-ท่าตะโก) ผ่านตลาดสถานีรถไฟนครสวรรค์ มาตามทางหลวงหมายเลข 3004 เรื่อยๆจะพบกับสามแยก(ก่อนถึงอ.ท่าตะโก) แล้วเลี้ยวขวามาตาม ทางหลวงหมายเลข 1145 จนถึง 3 แยกหอนาฬิกาอ.ตากฟ้า แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพหลโยธินAH1 เพื่อไป จังหวัดลพบุรี
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางคมนาคมสายสำคัญซึ่งตัดผ่านจังหวัดข้างเคียง คือ เส้นทางรถไฟสายอีสาน และทางหลวงแผ่นดินหมายเลขที่ 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านจังหวัดที่มีเขตติดต่อกันคือจังหวัดสระบุรี และยังมีถนนสายเอเชียตัดผ่านจังหวัดที่มีเขตติดต่อกันคือจังหวัดสิงห์บุรี
ถนนสายสำคัญในจังหวัด
ระยะทางจากอำเภอเมืองลพบุรีไปยังอำเภอต่าง ๆ
- อำเภอท่าวุ้ง ระยะทาง 15 กิโลเมตร
- อำเภอบ้านหมี่ ระยะทาง 32 กิโลเมตร
- อำเภอโคกสำโรง ระยะทาง 35 กิโลเมตร
- อำเภอพัฒนานิคม ระยะทาง 51 กิโลเมตร
- อำเภอหนองม่วง ระยะทาง 54 กิโลเมตร
- อำเภอสระโบสถ์ ระยะทาง 65 กิโลเมตร
- อำเภอโคกเจริญ ระยะทาง 77 กิโลเมตร
- อำเภอท่าหลวง ระยะทาง 83 กิโลเมตร
- อำเภอชัยบาดาล ระยะทาง 97 กิโลเมตร
- อำเภอลำสนธิ ระยะทาง 120 กิโลเมตร
ระยะทางจากจังหวัดลพบุรีไปยังจังหวัดใกล้เคียง
- ลพบุรี-สิงห์บุรี ระยะทาง 33 กิโลเมตร
- ลพบุรี-อ่างทอง ระยะทาง 45 กิโลเมตร
- ลพบุรี-สระบุรี ระยะทาง 46 กิโลเมตร
- ลพบุรี-ชัยนาท ระยะทาง 86 กิโลเมตร
- ลพบุรี-อยุธยา ระยะทาง 91 กิโลเมตร
- ลพบุรี-นครสวรรค์ ระยะทาง 129 กิโลเมตร
- ลพบุรี-กรุงเทพฯ ระยะทาง 153 กิโลเมตร
- ลพบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 195 กิโลเมตร
- ลพบุรี-ชัยภูมิ ระยะทาง 230 กิโลเมตร
- ลพบุรี-เพชรบูรณ์ ระยะทาง 236 กิโลเมตร